เกษตรกรกว่า 300 ราย คุยหาทางรอด ข้างหลังหามทุน เลี้ยงไก่ชน ถึง 2 ปี ซ้ำหนักตลาดกดราคารับซื้อ เนื่องด้วยไก่ไม่มีประวัติความเป็นมาผ่านสังเวียน
เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ชน กว่า 300 ราย ตกที่นั่งลำบากจำเป็นต้องหาม ภาระหน้าที่ทุนการเลี้ยงไก่ชน ซ้ำหนักตลาดกดราคารับซื้อ เพราะว่าไก่ไม่มีประวัติความเป็นมาผ่านสังเวียน นักข่าวแถลงการณ์ว่า ผู้แทนกรุ๊ปเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ร่วมสัมมนาหาทางออกเพื่อความมีชีวิตรอด จากเหตุการณ์การระบาดของโรควัววิด-19 ข้างหลังจำเป็นต้องแบกรับภาระทุนการเลี้ยงไก่ ในระหว่างที่ตลาดกลับกดราคาการรับซื้อไก่ชน เนื่องด้วยไก่ไม่ผ่านสังเวียน
นางสาวสิริที่นาฎ เส้งสุ้น อายุ 27 ปี ผู้ครอบครองฟาร์มไก่ชนชุมชนบ้านนางลาด ตำบลคูหาสรวงสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดจังหวัดพัทลุง กล่าวมาว่า ตนเลี้ยงไก่ชนในพื้นที่ 2 ไร่ ไก่ที่เลี้ยงรวม 200 ตัว ก่อนหน้าที่ผ่านมา ไก่ชนที่ฟาร์มส่งขายอีกทั้งในรวมทั้งบ้านนอก โดยได้ราคาดี ต่ำสุดอยู่ที่ 3,000-30,000 บาท แต่ว่าภายหลังจากเหตุการณ์การระบาดของโรควัววิด-19 กว่า 2 ปีให้หลัง กรุ๊ปเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ชนทั้งยังรายย่อย แล้วก็ฟาร์มไก่ ตกที่นั่งลำบากอย่างมาก เนื่องมาจากจำต้องแบกรับภาระทุนสำหรับเพื่อการเลี้ยง ทั้งยังค่าของกิน โดยยิ่งไปกว่านั้นที่เลี้ยงเป็นฟาร์ม นอกจากจากของกินไก่แล้ว ยังจำต้องเพิ่มค่าว่าจ้างคนเลี้ยงดูไก่ด้วย
นางสาวสิริทุ่งนาฎกล่าวต่อว่าต่อขาน ที่ฟาร์มของตนเอง ใน 24 ชั่วโมง มีต้นทุนการเลี้ยงไก่ 200 ตัวอยู่ที่โดยประมาณ เกือบจะ 2,000 บาท กลับขายไก่ชนมิได้ราคา จำเป็นต้องแบกรับภาระดังที่ได้กล่าวมาแล้วมานานโดยประมาณ 2 ปี เนื่องจากว่าเหตุการณ์การระบาดของโรควัววิด-19 ทำให้สนามกีฬาตีไก่ ไม่สามารถที่จะเปิดตีไก่ได้ ในตอนปีแรกของเหตุการณ์วัววิด-19 กรุ๊ปผู้ประกอบกิจการยังพอเพียงประคองตนเองเข้ากันได้ เพราะเหตุว่าอยากร่วมรับผิดชอบสังคมในเหตุการณ์แบบนี้ แม้กระนั้นพอเพียงเข้าปีที่ 2 กรุ๊ปผู้ประกอบธุรกิจหลายรายแบกรับภาระไม่ไหว จะต้องทยอยขายไก่ทิ้ง ในราคา 300-500 บาท หวังเพียงหน่วยงานของรัฐจะให้ความใส่ใจกับอาชีพการเลี้ยงไก่ชนบ้าง ด้วยเหตุว่าอาชีพการเลี้ยงไก่ชน นับว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งซึ่งสามารถเลื่อนฐานะเศรษฐกิจของจังหวัดพัทลุง อีกทางหนึ่งด้วย
